วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Writing from graph and chart

การเขียนกราฟ กราฟมีทั้งหมด 5 แบบดังนี้
 1.Tables กราฟตาราง
 2. Bar grapht กราฟแท่ง
 3.Line graphs กราฟเส้น
 4.Circle Grapht or Pie Charts กราฟวงกลม
 5.Pictograph or Pictogram กราฟรูปภาพ

Capitalization

Capitalization

1.คำขึ้นต้นประโยค
2.ขึ้นต้นด้วย I
3.คำที่ใช้อักษรย่อ
4.ใช้ขึ้นต้นลงท้ายจดหมาย
5.บอกช่วงเวลา , บอกอดีตที่สำคัญของโลก
6.บอกคำนามเฉพาะ

News and sings

News and sings

การอ่านหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ มีส่วนที่สำคัญ ส่วนpolice
Subject + Present ประธานเป็นคนกระทำ เปลี่ยนกริยาช่อง เป็นกริยาช่อง 2
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว
            headline  = suicide bomb kills  13 Pakistani police
            sentence  = suicide bomb killed  13 Pakistani police
ระเบิดฆ่าตัวตายฆ่า 13 ตำรวจปากีสถา

Subject + past participle ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ มีกริยาช่องที่ เป็นอดีด 
ใช้ was (เอกพจน์) หรือ were  (พหูพจน์) เข้ามาช่วย
            headline  = 18 killed in Chaina mine explosion.
            sentence  = Eighteen people were killed in Chaina mine explosion.
สิบแปดคนถูกฆ่าตายในการระเบิดเหมือง Chaina

Subject + present participle กริยาเติม ing เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน
            headline  = Free buses taking red-shirts home.
            sentence  = Free buses are taking red-shirts home.

Subject + infinitive with to เป็นนเหตุการณืที่เกิดขึ้นในอนาคต กริยาที่มี to อยู่ข้างหน้า ตัด to ทิ้งใส่ will  หรือ shall แทน
            headline  = Minor to hold back on new outlets.
            sentence = The Minor Food Group will hold back on new outlets
ไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ปจะถือกลับมาร้านใหม่

Subject + Adj.  OR  Subject + Prep. บอกคุณลักษณะ OR บอกตำแหน่ง
ใช้เมื่อเป็นปัจจุบัน ใช้         is, are,was,were
            headline  = Nippon Air crews on strike.
            sentence = Nippon Air curews are ( were ) on strike.
ลูกเรือนิปปอนแอร์หยุดงาน

Basic Grammar

Sentence Pattern 1
        SUBJECT + VERB

               เช่น  Birds flys  = นกบิน
                      I run = ฉันวิ่ง

Sentence Pattern 2
        SUBJECT + ACTION VERB + DIRECT OBJECT

              เช่น  Teacher hit me = คุณครูตีฉัน


Sentence Pattern 3
        Subject+ Linking verb + subject complement ( Noun or pronoun )
              เช่น  You are a girl  = คุณคือผู้หญิง



Sentence Pattern 4
        Subject+ Linking verb + subject complement  ( adjective )
              เช่น  This room is big = ห้องนี้มีขนาดใหญ่


Sentence Pattern 5
        Subject + Verb + Indirect object + Direct object
               เช่น  My Mother give my brother some money

Basic Grammar

Sentence Pattern 1
        SUBJECT + VERB

               เช่น  Birds flys  = นกบิน
                      I run = ฉันวิ่ง

Sentence Pattern 2
        SUBJECT + ACTION VERB + DIRECT OBJECT

              เช่น  Teacher hit me = คุณครูตีฉัน


Sentence Pattern 3
        Subject+ Linking verb + subject complement ( Noun or pronoun )
              เช่น  You are a girl  = คุณคือผู้หญิง



Sentence Pattern 4
        Subject+ Linking verb + subject complement  ( adjective )
              เช่น  This room is big = ห้องนี้มีขนาดใหญ่


Sentence Pattern 5
        Subject + Verb + Indirect object + Direct object
               เช่น  My Mother give my brother some money 

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Reading for Topic and Main Idea


Definition type
เป็นชนิดของสิ่งแนะที่ชี้แสดงความหมายหรือนิยามคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
ซึ่งผู้อ่านสามารถสังเกตการนิยามความหมายของคำศัพท์ได้โดยการดูที่ตัวชี้แนะ หรือคำสัญญาณ
(clues signal words) ที่ปรากฏอยู่ในข้อความนั้นๆ ตัวชี้แนะหรือคำสัญญาณ ได้แก่

verb "to be" be called
mean(s/ed) called
consist of may be seen as
refer to can be defined as
may be described as can be taught of
what this means is
คำชี้แนะหรือคำสัญญาณดังกล่าวมาข้างต้นนี้ มีความหมายในทำนองเดียวกัน นั่นคือ
แปลว่า "คือ , หมายถึง , หมายความว่า, เรียกว่า"
ตัวอย่าง- A premise is a statement of the relationship between a cause and a consequence.
อธิบาย premise เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยis เป็นคำชี้แนะ หรือคำสัญญาณa statement of the relationship เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า premiseดังนั้น premise ก็คือ ข้อความที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและผลลัพธ์- People who study the stars are called astronomers.
อธิบาย astronomers เป็นคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยare called เป็นคำชี้แนะหรือคำสัญญาณpeople who study the stars เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า astronomersดังนั้น astronomers ก็คือ
คนที่ศึกษาเรื่องดวงดาว หรือนักดาราศาสตร์ นั่นเอง- A committee may be defined as any group interacting in regard to a common purpose.
อธิบาย committee เป็นคำที่ไม่คุ้นเคยmay be defined as เป็นคำสัญญาณ หรือตัวชี้แนะany group interacting in reagard to common purpose เป็นคำนิยามหรือความหมายของคำว่า committee ดังนั้น committee ก็คือ กลุ่ม หรือคณะบุคคลที่กระทำ
การใดๆ โดยมีจุดประสงค์ร่วมกัน


Context Clues 
การเดาความหมายจากบริบท
context = ปริบทหรือบริบท , clue = ตัวชี้แนะ อุปสรรคที่มักพบบ่อยๆ
ในการอ่านภาษาอังกฤษ ก็คือ การไม่รู้ความหมายของคำศัพท์ ทำให้ไม่สามารถเข้าใจข้อความที่อ่าน
ไม่สามารถตีความโจทย์ข้อสอบได้ อ่านไม่เข้าใจ ทำข้อสอบได้ไม่ดี วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ก็คือ ต้องรู้ความหมายศัพท์และสามารถนำไปใช้ได้ แต่การรู้ความหมายศัพท์โดยไม่ต้องเปิดพจนานุกรม (Dictionary) นั้น ทำได้อย่างไร คำตอบก็คือ นักเรียนมีความจำเป็นที่จะต้องเดาความหมายนั้นจากบริบท (Context)
ซึ่งหมายถึง ข้อความ หรือศัพท์หลายๆ คำซึ่งแวดล้อมคำศัพท์ตัวที่เราไม่รู้ความหมาย แล้วทำให้เดาความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้ได้ บริบทเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเข้าใจคำศัพท์ เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะ ความหมายของคำ คำใดคำหนึ่งนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับคำอื่นๆ ซึ่งอยู่ข้างเคียงด้วย เช่น คำว่า "about" We know about that. (about = concerning) แต่ถ้า It is about six o'clock. (about = close to) เป็นต้น
ผู้อ่านสามารถตีความหมายได้โดยอาศัยสิ่งแนะที่อยู่ในปริบท (Context Clues) สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณ (Clues / signal words) สามารถช่วยชี้แนะความหมายของคำศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยให้กับผู้อ่านได้อย่างถูกต้องตรงตามปริบท สิ่งชี้แนะหรือตัวสัญญาณที่สำคัญได้แก่
1. Definition type (การให้คำนิยาม)
2. Restatement type (การกล่าวซ้ำ)
3. Example type (การยกตัวอย่าง)
4. Comparison or Contrast type (การเปรียบเทียบ หรือ บอกความแตกต่าง)
5. Cause and Effect relationship type (การใช้ความสัมพันธ์ในเรื่องเหตุและผล)
6. Explanation type (การอธิบาย)
7. Modifier type (การใช้ตัวขยาย)
8. Subjective type (การใช้เนื้อเรื่อง)
9. Familiar type (การใช้คำที่คุ้นเคยที่มีความหมายใกล้เคียง)

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Context Clues

Context Clues เป็นการเดาคำศัพท์จากเนื้อหาในประโยคโดยมีหลักการ  ยกตัวอย่างเช่น

       To melt is to change from a solid into a liquid.

melt  หากต้องการทราบความหมายของคำที่ขีดเส้นใต้ก็สามารถเดาได้จากเนื้อหาที่มีอยู่ในประโยค  โดยมีคำว่า  is  เป็นตัวบ่งชี้  ดังนั้น  melt  สามารถเดาได้ว่า  เป็นการเปลี่ยนรูปจากของแข็งกลายไปเป็นของเหลว  เป็นต้น